โยคะกับกองทัพและทัณฑสถาน
เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งผู้นำกองทัพบก General B.C. Joshi ได้นำโยคะไปใช้กับกองทัพบกใต้บังคับบัญชา ตามเจตนารมณ์อันแรงกล้าของเขา โดยเฉพาะกับทหารในหน่วยรบสำคัญตามพื้นที่สูง และหน่วยประจำภาคพื้นทะเลทราย ซึ่งหน่วยทหารที่อยู่ในพื้นที่สูง จะค่อนข้างทุรกันดาร ลำบากและห่างไกลซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ห่างไกลจากครอบครัว ตลอดจนหน่วยศูนย์บัญชาการส่วนกลาง หากเราต้องอยู่ประจำการในพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2100 ฟิต จากระดับน้ำทะเล เป็นวันเป็นคืนในระยะเวลาแรมเดือน แรมปี เราจะไม่เห็นอะไรได้มากไปกว่า หิมะที่ขาวโพลน ไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งที่มีจิตวิญญาณให้ติดต่อได้สักเท่าใด คุรุแห่งโยคะจึงได้เดินทางไป ชี้แนะวิถีชีวิตตามแนวแห่งโยคะสูตร แก่เหล่าทหารที่นั่น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข เหล่าคุรุเดินทางไปที่ศูนย์ ไบคาเนอร์ เพื่อดูการปฏิบัติหน้าที่และสัมผัสถึงความรู้สึกของเหล่าทหารขณะประจำอยู่ในรถถัง ต้องปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ที่แสนจะทุรกันดารอย่างยากลำบาก เพื่อที่จะสามารถเข้าถึงและสอนโยคะแก่เหล่าทหารได้อย่างถูกต้อง เป็นการช่วยบำบัดจิตใจ จากความโกรธ ความกลัว ความหงุดหงิด ท้อแท้ เหนื่อยหน่าย สับสน กระสับกระส่าย ให้เหล่าทหารนั้น เกิดความสงบ นิ่งและสามารถดำเนินชีวิตในหน้าที่ต่อไปได้อย่างเรียบง่าย และมีความสุข
แม้แต่ในศูนย์บำบัดยาเสพติด หรือสิ่งเสพติดหลายแห่ง เราก็จะพบว่ามีการนำเอาโยคะมาใช้ ในการบำบัดจิตใจแก่ผู้ป่วยได้ดี และตั้งแต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โยคะก็ยังเข้าไปสู่การพัฒนาชีวิตแก่นักโทษ ในจำนวน 24 ราย ที่ไบฮาร์ มีข้อมูลหลักๆที่น่าสนใจ ที่ถูกเก็บรวบรวมโดยเจ้าหน้าที่ชั้นสูงใน ไบฮาร์ คือ หลังจากที่นักโทษเข้าคอร์สฝึกโยคะแล้ว ความรู้สึกรุนแรงต่างๆของพวกเขาที่เคยสั่งสมมา เช่น การแก้แค้น ความเกลียดชังอย่างสุดโต่ง ความกดดัน ความเครียดสูง และความรู้สึกหลายอย่างที่ผิดๆ นั้นได้ลดลงอย่างเหลือเชื่อ แต่กลับมีความรู้สึกอื่นๆ เข้ามาเติมเต็มได้แทน เช่น ความสนุกสนาน สดใสร่าเริง ความสุขใจ ความสุขสงบใจ ที่พวกเขากลับรู้สึกยอมรับต่อสภาพการณ์ ยอมรับในความผิดที่ได้กระทำลงไปอย่างจริงใจในด้านบวก ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างของโยคะ ที่มีผลต่อการพัฒนาชีวิตมนุษย์ทุกผู้ทุกนามได้ โดยเฉพาะกับเรื่องของจิตวิทยา จิตวิญญาณ อารมณ์และ ความเครียด |